ไม่จบง่ายๆ “วิโรจน์-อนุทิน” โต้กันผ่านโซเชียล ปมประสิทธิภาพวัคซีนซิโนแวค


ไม่จบง่ายๆ “วิโรจน์-อนุทิน” โต้กันผ่านโซเชียล ปมประสิทธิภาพวัคซีนซิโนแวค

ข่าวการเมือง

ไทยรัฐออนไลน์

13 เม.ย. 2564 15:08 น.

บันทึก
SHARE

“วิโรจน์-อนุทิน” ยังตอบโต้กันไปมาผ่านช่องทางโซเชียล กรณีประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค

วันที่ 13 เม.ย. 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เคลื่อนไหวผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กอีกครั้ง ภายหลังก่อนหน้านี้มีการโพสต์คล้ายตำหนินักการเมืองบางรายว่าไม่มีความรู้เรื่องวัคซีนโควิด-19 จนสร้างความสับสนให้กับประชาชน รวมถึงมีการนำโพสต์ของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กรณีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ว่า “ด่านายกฯ ว่ารัฐมนตรี ตำหนิหมอและบุคลากรสาธารณสุข ทำไปเถอะ แต่อย่าออกมาสมน้ำหน้าประชาชนที่เขาติดเชื้อเลย มีพรหมวิหารสี่บ้างนะ เป็นผู้แทนของคนน่ะ”

ทางด้าน นายวิโรจน์ เคลื่อนไหวผ่านทวิตเตอร์แอคเคาต์ @wirojlak แนะนำนายอนุทิน ว่า “แทนที่ท่านจะแต่งเรื่องมโน แล้วคอยจับผิดผมมาโจมตีผม ตามอคติของท่าน ท่านเอาเวลาไปบริหารจัดการความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีนจะดีกว่า”

ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. นายอนุทิน โพสต์ข้อความว่า วัคซีน sinovac มีประสิทธิภาพผลข้างเคียงน้อย พร้อมอ้างอิงข้อมูลจาก ศ.ดร.นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) แจ้งว่า ได้มีการรายงานผลการประเมินประสิทธิภาพทางคลินิก ระยะที่ 3 ของวัคซีนซิโนแวค จากประเทศบราซิล พบว่าวัคซีนสามารถป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและป้องกันการเสียชีวิตได้ 100% สามารถป้องกันการป่วยได้ 83.7% และป้องกันการติดเชื้อได้ 50.7% และมีความปลอดภัยสูงมาก ข้อมูลนี้ถือเป็นรายงานอย่างเป็นทางการแบบสมบูรณ์เป็นครั้งแรก ซึ่งเตรียมจะตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ โดยทำการทดสอบในบุคลากรทางการแพทย์ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ติดเชื้อสูงมากจำนวนกว่า 10,000 คน และได้ติดตามผลจนสิ้นสุดระยะเวลาการประเมินข้อมูล ได้ผลที่สำคัญและชัดเจน คือ กลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่มีรายใดเลยที่มีอาการเจ็บป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิต ในเรื่องผลข้างเคียงจากวัคซีนนั้น คล้ายกับวัคซีนอื่นๆ ซึ่งมีผลข้างเคียงน้อยและไม่รุนแรง

สรุปได้ว่า วัคซีนนี้สามารถป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและป้องกันการเสียชีวิตได้ 100% ป้องกันการเจ็บป่วยชนิดปานกลาง (ระดับ 3 ขึ้นไป) ได้ 83.7% ป้องกันการติดเชื้อได้ 50.7% วัคซีนจะเริ่มมีผลป้องกันโรคได้ 2 สัปดาห์หลังฉีดเข็มแรก รวมทั้งการเพิ่มระยะห่างระหว่างเข็มที่หนึ่งและเข็มที่สองจากที่กำหนดไว้ 2 สัปดาห์ เพิ่มเป็นประมาณ 4 สัปดาห์ อาจจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้มากขึ้นอีก และการให้วัคซีนในคนที่มีอายุมากกว่า 60 ปี (ซึ่งในการทดสอบนี้ยังมีจำนวนไม่มากนัก) ให้ผลในการป้องกันโรคใกล้เคียงกับในคนอายุ 18-60 ปี.

อ่านเพิ่มเติม…