“อนุทิน” รับเสียมารยาทออก Clubhouse ไม่ร่ำลา อัดบรรยากาศเสียตอน “ธนาธร” เข้ามา


“อนุทิน” รับเสียมารยาทออก Clubhouse ไม่ร่ำลา อัดบรรยากาศเสียตอน “ธนาธร” เข้ามา

ข่าวการเมือง

ไทยรัฐออนไลน์

13 มี.ค. 2564 11:53 น.

บันทึก
SHARE

“อนุทิน” ร่ายยาวแจงเหตุผลหลังเสียมารยาทออกจากห้อง Clubhouse โดยไม่ได้ร่ำลา หลังตอบโต้ข้อกล่าวหา “ธนาธร” ลั่น ไม่โกหกประชาชน ไม่เคยใช้วัคซีนเป็นประเด็นการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังเมื่อคืนที่ผ่านมา ห้องสนทนาคลับเฮาส์ (Clubhouse) ห้อง “วัคซีนไทยควรไปต่อหรือพอแค่นี้” ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เข้าร่วม โดยช่วงหนึ่ง นายธนาธร ระบุว่า นายอนุทิน กำลังโกหกประชาชน โดยยกแผนการบริหารจัดการวัคซีน ที่หน่วยงานราชการเสนอต่อกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อช่วงเดือน พ.ย.2563 ระบุว่า ประเทศไทยจะฉีดวัคซีนตั้งแต่ปี 2021-2023 โดย นายอนุทิน ชี้แจงตอบโต้ว่า ไม่มีการโกหก แผนการมีการปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ยืนยันว่าสามารถฉีดวัคซีนแต่ละเดือนได้ 5-10 ล้านโดส และจะครบ 60 กว่าล้านโดส ในสิ้นปี 2564 ก่อนจะออกจากห้องสนทนาไปในทันที

ข่าวแนะนำ

ต่อมา นายอนุทิน ได้โพสต์ชี้แจงผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ได้รับเชิญให้เข้าไปร่วมรับฟังการสนทนาเรื่องวัคซีนใน Clubhouse การสนทนาจากหลายมุมมองทำให้ได้รับแง่คิดดีๆ เยอะ มีคำถามหลายคำถามที่ตอบ ชี้แจง เล่าถึงการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข กว่าจะได้วัคซีนมา และวางแผนจะฉีดวัคซีนกันอย่างไร ให้เกิดความเข้าใจกันได้พอสมควร บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ให้เกียรติต่อกัน และพยายามหลีกเลี่ยงประเด็นการเมืองซึ่งไม่เกี่ยวกับวัคซีน แม้จะมีบางคนจะโยงไปเรื่องการเมือง ผู้จัดการสนทนาก็พยายามแนะนำตักเตือนให้เข้าประเด็นวัคซีน

นายอนุทิน ระบุต่อไปว่า บรรยากาศมาเสียตอนที่ นายธนาธร เข้ามาแล้วก็เริ่มต้นสนทนาด้วยการกล่าวว่า “คุณอนุทิน ต้องพูดความจริง อย่าโกหกประชาชน” แล้วก็ยกแผนงานการฉีดวัคซีนที่กรมควบคุมโรคเคยนำไปชี้แจงต่อกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร เมื่อ พ.ย.ปีที่แล้ว ว่าประเทศไทยจะฉีดวัคซีนเสร็จสิ้นในปี 2566 มาเป็นหลักฐานว่า ที่เคยพูดว่าแอสตราเซเนกามีความพร้อมที่จะส่งวัคซีนให้เรา และกระทรวงสาธารณสุขพร้อมจะฉีดวัคซีนให้คนไทยได้เสร็จภายในปี 2564 เป็นเรื่องที่โกหกประชาชน

“ผมไม่รู้ว่าคุณธนาธร ได้ฟังการสนทนามาก่อนหรือเปล่า จู่ๆ จึงตั้งข้อกล่าวหาว่า ผมโกหกประชาชน เป็นข้อกล่าวหาที่ใหญ่มาก ผมจึงต้องสวนไปทันทีว่า ผมไม่มีทางโกหกประชาชน ผมต้องทำงานแล้วทุกอย่างต้องปรับเปลี่ยนไป วันนี้ผมบอกได้เลยว่าทั้ง 60 ล้านโดส จะถูกฉีดภายในสิ้นปีนี้ โดยกรมควบคุมโรค ได้ไปศึกษาทุกอย่างหมดแล้ว ยืนยันว่าสามารถขยายกำลังฉีดวัคซีนแต่ละเดือนได้ 5-10 ล้านโดส ฉะนั้นเราสั่ง 60 ล้านโดส เริ่มฉีดในเดือน มิ.ย. เป็นต้นไป ก็จะจบในสิ้นปีนี้ และหากเราจะสั่งมาให้ประชาชนในปีหน้า ก็เป็นเรื่องของปีหน้า”

ไม่เพียงเท่านั้น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยอีกว่า ในกระทรวงสาธารณสุข ไม่มีใครใช้แผนการฉีดวัคซีนที่ นายธนาธร นำมากล่าวอ้างอีกแล้ว การทำงานเพื่อควบคุมโรค การบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ต้องปรับไปตามสถานการณ์ ถ้าไม่ติดตามข้อมูล ถ้ายึดถือข้อมูลเก่า ก็จะตามสถานการณ์ไม่ทัน แผนงานการฉีดวัคซีนฉบับปัจจุบันที่กระทรวงสาธารณสุขทำและใช้เป็นแผนแม่บท คือ ตั้งแต่ มิ.ย. เราจะฉีดวัคซีนได้เดือนละ 10 ล้านโดส และคาดว่าภายในสิ้นปี 2564 จะฉีดวัคซีนได้ 60 ล้านโดส หรือ 30 ล้านคน ตามเป้าหมาย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขแถลงหลายครั้งแล้ว

ทั้งนี้ การสนทนาในเวทีสาธารณะ ไม่ว่าจะต้องการผลทางการเมือง หรือสร้างความนิยมส่วนตัวก็ตาม ควรจะต้องเคารพทุกคนที่กำลังสนทนา และฟังการสนทนาด้วย และไม่ใช่จะกล่าวหาใคร ด้วยข้อมูลเก่า ข้อมูลเท็จ โดยไม่รับผิดชอบก็ได้ ส่วนตัวไม่อยากโต้เถียงกับใครให้บรรยากาศในห้องสนทนาต้องเสียไป จึงเลือกที่จะออกจากห้องสนทนาเพื่อไม่ให้หัวข้อสนทนาต้องเปลี่ยนเป็นวัคซีนการเมือง

“แม้จะเสียมารยาทที่ออกมาโดยไม่ได้ร่ำลา แต่ก็ดีกว่าเสียมารยาทที่ทำให้ผู้อื่นต้องทนฟังสิ่งที่เป็นความเท็จ และเสียโอกาสที่จะได้รับฟังการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง ผมยืนยันว่าผมไม่ได้โกหกประชาชน และไม่เคยใช้วัคซีนเป็นประเด็นการเมือง เรื่องวัคซีน มีหนึ่งคนที่เคยถูกจับได้ว่า โกหกประชาชน คือ คนที่พูดเรื่องวัคซีนพระราชทาน”

อ่านเพิ่มเติม…