วิจัยกรุงศรีปรับลด GDP เหลือ 2.0% หลังโควิดระบาดรอบ 3 ทำไทยทรุด


วิจัยกรุงศรีปรับลด GDP เหลือ 2.0% หลังโควิดระบาดรอบ 3 ทำไทยทรุด

เศรษฐกิจบทวิเคราะห์เศรษฐกิจ

ไทยรัฐออนไลน์

18 พ.ค. 2564 15:15 น.

บันทึก
SHARE

วิจัยกรุงศรีปรับลด GDP ไทยปีนี้ เหลือขยายตัว 2.0% จากเดิม 2.2% ผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ระลอก 3 รุนแรงกว่าคาด พร้อมจำลองสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อ คาดจะต่ำกว่าหลัก 100 ราย ช่วงเดือน ส.ค. 64

วิจัยกรุงศรี มีความเห็นต่อเศรษฐกิจไทยว่า เศรษฐกิจไตรมาสแรกของปี 2564 หดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 ที่ -2.6% YoY คาดทั้งปีขยายตัว 2.0% GDP ในไตรมาสแรกของปีนี้ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับ -4.2% ในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน และหดตัวน้อยกว่าที่วิจัยกรุงศรี และผลสำรวจ Bloomberg คาดไว้ที่ -3.3% และ -3.6% ตามลำดับ โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการกลับมาขยายตัวของการส่งออกสินค้าและการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งการขยายตัวต่อเนื่องของการใช้จ่ายรัฐบาล และการเติบโตเร่งขึ้นของการลงทุนภาครัฐ

ข่าวแนะนำ

ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนกลับมาหดตัวอีกครั้ง ผลกระทบจากการระบาดระลอกที่สองในช่วงปลายปี 2563 บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ประกอบกับตลาดแรงงานยังคงมีความเปราะบาง ส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกจากมาตรการเยียวยาของรัฐช่วยพยุงการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนมิให้ทรุดแรง


ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรีปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้เป็นขยายตัว 2.0% จาก 2.2% ผลกระทบจากการระบาดระลอกสามมีแนวโน้มรุนแรงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายน โดยจากแบบจำลองสถานการณ์การระบาดล่าสุด (ข้อมูลถึงวันที่ 17 พ.ค. 64) คาดว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันกว่าจะปรับลดลงมาต่ำกว่า 100 ราย อาจเป็นในช่วงเดือน ส.ค. ช้าลงจากเดิมเคยคาดไว้ต้นเดือนก.ค. ดังนั้นกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศโดยเฉพาะการใช้จ่ายภาคเอกชนอาจถูกจำกัดมากขึ้น รวมถึงคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาไทยในปีนี้มีแนวโน้มลดลงเหลือเพียง 3.3 แสนคน

อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจไตรมาสแรกที่หดตัวน้อยกว่าคาด การขยายตัวของภาคส่งออกในปี 2564 มีแนวโน้มปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศแกนหลัก และหนุนให้การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และมีมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดวงเงินกว่า 2 แสนล้านบาท ปัจจัยบวกเหล่านี้จะช่วยลดแรงกระทบจากผลเชิงลบที่เพิ่มขึ้นในการคาดการณ์ล่าสุด ทางด้านสภาพัฒน์ฯ ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2564 เป็น 1.5- 2.5% จากเดิมคาด 2.5-3.5%

ทางการปรับเป้าหมายการจัดหาและการฉีดวัคซีน ขณะที่วิจัยกรุงศรีประเมินสถานการณ์การระบาดเลวร้ายกว่าเดิม การประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ (วันที่ 12 พ.ค.) มีมติในประเด็นสำคัญดังนี้

– ปรับเพิ่มจำนวนการจัดหาวัคซีนเป็น 150 ล้านโดส ภายในปี 2565 (จากเดิม 100 ล้านโดส ในปี 2564)

– ปรับแนวทางการฉีดวัคซีนเป็นการปูพรมฉีดเข็มแรกแก่ประชาชนให้มากที่สุด (จากแผนฉีดให้ครบคนละ 2 โดส จำนวน 50 ล้านคน)

– เร่งการเจรจาจัดหาวัคซีนให้ได้จำนวนมากที่สุดและหลากหลายมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงในการระบาดและความรุนแรงของโรค


จากการพบการระบาดเป็นกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่เป็นระยะๆ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล วิจัยกรุงศรีได้ทบทวนประมาณการแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายวันอีกครั้ง โดยใช้ข้อมูลล่าสุดถึง ณ วันที่ 17 พฤษภาคม 2564 จำแนกเป็น 3 กรณีด้วยกัน คือ

กรณีแรก หากสามารถคุมการระบาดในกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ได้ (เส้นสีเหลือง) จำนวนสูงสุดของผู้ติดเชื้อใหม่จะยังอยู่ในเดือนพฤษภาคม (เช่นเดียวกับคาดการณ์เดิม) แต่กว่าจะเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 100 รายต่อวันล่าช้าขึ้นเป็นปลายเดือนกรกฎาคม (จากเดิมต้นเดือนกรกฎาคม)

กรณีที่สอง หากไม่สามารถคุมการระบาดในกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ได้ (เส้นสีส้ม) จำนวนสูงสุดของผู้ติดเชื้อจะอยู่ราวปลายเดือนพฤษภาคม และจะใช้เวลามากขึ้นกว่าจะปรับลดลงมาอยู่ต่ำกว่า 100 รายต่อวัน เป็นในปลายเดือนสิงหาคม

กรณีเลวร้ายสุด หากมีการระบาดในกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ๆ เกิดขึ้นต่อเนื่องในเขตกรุงเทพฯ (เส้นสีแดง) จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า และอาจทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมสูงขึ้นแตะระดับ 3 แสนกว่ารายในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรีคาดความเป็นไปได้ของสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อจะอยู่ในช่วงระหว่างกรณีที่ 1 และกรณีที่ 2 (อยู่ระหว่างเส้นสีเหลืองและสีส้ม).

อ่านเพิ่มเติม…