หลังจากที่อดีตนักร้องสาว มิล่า จามิล่า พันธ์พินิจ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านไอจีสตอรี่ หลังจากที่ทนความเจ็บช้ำมาอย่างหนัก และเก็บเอาไว้ไม่ไหวแล้ว จนต้องเปิดเผยถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อ 2 ปีที่แล้วว่า ตนเองได้ถูกน้องชายแท้ๆ ทำร้ายร่างกายอย่างหนัก ถึงขั้นที่มีแผลตามร่างกายเต็มไปหมด ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานจนกว่าจะลุกขึ้นมาใหม่ได้ อีกทั้งทำให้ตอนนี้เป็นโรคเครียดหลังเจอเหตุการณ์ที่ร้ายแรง

ล่าสุด เจนนี่ รติพันธ์ พันธ์พินิจ พี่สาวของ มิล่า ก็ได้โพสต์ข้อความเพื่อขอชี้แจงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านทางอินสตาแกรม โดย เจนนี่ ได้เขียนว่า

ขอโทษที่ออกมาพูดช้า เพราะต้องดูความรู้สึกของคุณแม่และญาติผู้ใหญ่ที่ได้รับผลกระทบทันทีที่ข่าวออก และขอความกรุณาหยุดโจมตีคุณแม่ เพราะไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูก ลูกเจ็บ ลูกทะเลาะกัน คนเป็นแม่เจ็บยิ่งกว่า ผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่เคยปกป้องฝ่ายไหน 

แต่เรื่องที่ทุกคนได้ฟังและตีความกันไป เป็นแค่เสี้ยวเดียวของเรื่องทั้งหมดเท่านั้น แม่และตนเองเป็นห่วงน้องทุกคนมาก และทำให้น้องทุกอย่างเท่าเทียมกันหมดเท่าที่จะทำได้ ทั้งซักผ้าให้ เปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ คอยดูแลรับส่ง หาคอนโดให้ ทั้งเรียกตำรวจและหาโรงพยาบาลที่ดีที่สุดให้

ที่ผ่านมาพาน้องไปรักษา เพื่อจะได้กลับมาเป็นแบบครอบครัวอื่น พอน้องสาวตนได้ออกมาชี้แจงแบบนั้น ทำให้คุณแม่ถูกคนอื่นด่า มันเจ็บปวดมาก 

เรื่องเกิดมา 2 ปี ทำไมเพิ่งออกมาพูด ต้องการอะไรกันแน่ ตนเองโดนถล่มหนักอันนี้ยอมรับได้ แต่ถ้าแม่โดนตำหนิ โดนถล่ม ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริง อันนี้รับไม่ไหวจริงๆ ปกติคุณแม่ของตนจะเข้มแข็งมาก แต่ตอนนี้กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ร้องไห้อยู่เรื่อยๆ ขอให้ทุกคนได้อ่านความจริงฝั่งตนเองบ้าง

และ เจนนี่ ก็ได้เล่าถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องทั้ง 3 คนว่า ตนเอง มิล่า และน้องชายอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันมาตั้งแต่เกิด แต่ช่วง 10 ปีหลัง มิล่ากับน้องชายมีปัญหาทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง และต่างรุนแรงใส่กันทั้งคู่ มีอาวุธข่มขู่กันทั้ง 2 ฝ่าย ตนเองกับแม่ลำบากใจมาโดยตลอด

เคยมีเหตุการณ์ทะเลาะกันรุนแรงอยู่ 1 ครั้งที่ทำให้แตกหักและเลิกคุยกันเลย ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ มิล่า ไปมาระหว่างต่างประเทศกับไทยเพื่อเรียนหนังสือ ตอนที่ มิล่า กลับมาบ้าน ก็จะส่งน้องชายไปต่างจังหวัด และตอนที่น้องสาวกลับไปแล้ว ก็จะให้น้องชายกลับมาอยู่บ้าน เพื่อปกป้องจิตใจของทั้ง 2 ฝ่าย 

จากนั้นน้องชายก็เริ่มป่วยเป็นซึมเศร้า ตนเองและคุณแม่ก็พาน้องไปรักษาและพยายามจะหาวิธีที่ทำให้อาการน้องดีขึ้น พออาการเริ่มดีขึ้น ทุกคนก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกด้วย

วันที่เหตุการณ์เกิดขึ้นนั้น คุณแม่ไปต่างจังหวัด ตนเองอยู่กับน้องสาวและน้องชายกันคนละห้อง น้องชายอยู่ชั้น 2 และพี่สาวทั้ง 2 อยู่ชั้น 3 ตอนนั้นประมาณตี 4 ตนเองสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงร้อง จึงรีบวิ่งเข้าไปดูที่ห้อง มิล่า 

สิ่งที่เจอคือสภาพน้องสาวถูกทำร้ายหนักมาก ส่วนน้องชายยืนขาดสติและโมโหอย่างฉุนเฉียว ตนเองตกใจมาก แต่ต้องมีสติ รีบวิ่งไปขวางและพูดให้น้องชายอารมณ์เย็นลง จับแยกให้ไปอีกห้อง ส่วน มิล่า สู้จนหมดแรงแต่ก็ยังพยายามฝืนตัวเอง

ด้าน เจนนี่ ก็ได้รีบโทรหาตำรวจเป็นสิ่งแรก และเรียกรถพยาบาลเพื่อให้ มิล่า ถึงมือหมอให้เร็วที่สุด พอตำรวจมาก็จับน้องชายใส่กุญแจมือไปโรงพัก ตนเองก็รีบไปดูอาการน้องสาว ก่อนที่จะฝากคุณป้าไว้ และรีบไปที่โรงพัก พร้อมกับโทรบอกคุณแม่ คุณแม่ก็รีบเดินทางกลับจากต่างจังหวัดทันที 

ตนเองพยายามหาโรงพยาบาลที่ดีที่สุด และคุณหมอที่ดีที่สุด เพราะคิดว่าอาการน้องสาหัสมากๆ เลยอยากให้พ้นอันตราย และอยากให้มีแผลเป็นน้อยที่สุด

พอถึงโรงพักทางตำรวจถามว่า น้องชายตนเองเคยรับการรักษาทางจิตหรือไม่ ดูน้องมีความผิดปกตินะ ก็เคยตอบไปตามตรงว่าเคยรับการรักษาอยู่ที่ศรีธัญญา ทางตำรวจจึงพิจารณาให้นำตัวส่งไปที่ศรีธัญญา ในฐานะพี่สาวที่ไม่เคยรู้เรื่องกฎหมายก็ทำตาม

น้องชายถูกแอดมิทเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลทันที และภายในไม่กี่ชั่วโมง น้องสาวก็ได้ย้ายไปที่โรงพยาบาลใหม่ และทำการผ่าตัดทันทีในวันนั้น

เมื่อตนเองได้ถามน้องชายว่า ทำไมถึงทำแบบนี้ น้องชายตอบว่า ไม่อยากอยู่แล้ว และวางแผนที่จะฆ่าตัวตาย เตรียมอุปกรณ์ไว้ในห้อง และออกไปซื้อสุราเพื่อมาดื่มย้อมใจก่อนที่ตัดสินใจจะฆ่าตัวตาย เมื่อขาดสติก็คิดขึ้นมาในทันทีว่า หนึ่งในเหตุผลที่เป็นแบบนี้ เพราะคิดว่า มิล่า เลยตัดสินใจทำแบบนั้น

เจนนี่ บอกต่อว่า ตนเองและคุณแม่โดนกระแสหนักมากๆ ว่าที่ผ่านมา 2 ปีไม่เคยทำอะไรเลย แต่จริงๆ แล้วเราทำมาโดยตลอด ไม่นิ่งเฉย 

เลยคุยกันว่าการหาที่อยู่ใหม่ให้ มิล่า เป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะไม่อยากให้กลับไปอยู่ในที่ที่เคยเกิดเหตุการณ์รุนแรง ซึ่งมิล่าเองก็เห็นด้วยและเต็มใจ แม้น้องสาวจะออกไปอยู่คอนโด คุณแม่ก็ตามไปดูแลตลอดไม่เคยขาดตกบกพร่อง 

ส่วนน้องชายรักษาตัวที่ศรีธัญญา 2 เดือนกว่า หมอก็ตัดสินใจปล่อยตัวน้อง ด้วยอาการดีขึ้นให้ออกจากโรงพยาบาลได้ แต่ต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง ตนเองกับคุณแม่ก็พาน้องไปรักษาทุกอาทิตย์ และพยายามเยียวยาน้องให้ดีขึ้น 

ทุกคนในครอบครัวไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้เลย แต่เมื่อเกิดแล้วก็พยายามแก้ไขให้ดีที่สุด ที่ผ่านมา มิล่า ร้องขอที่อยู่ของน้องชาย แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องการขึ้นศาลอย่างชัดเจน หากจะเป็นไปในทางนั้นจริงๆ ก็ยินดี และที่ไม่บอกว่าน้องชายอยู่ที่ไหน เพราะทั้งสองคนมีเรื่องแตกหักมาก่อนหน้านี้ เลยคิดว่าการไม่บอกสถานที่เพื่อให้ทั้งสองเลี่ยงการปะทะกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และให้ต่างคนต่างอยู่

แต่ถ้าน้องสาวยืนยันจะฟ้องและขึ้นศาลเพื่อรับความเป็นธรรม ก็ยินดีตามขั้นตอน ไม่เคยห้าม แต่ในฐานะพี่สาวอยากจะเลือกให้แก้ปัญหาด้วยการให้ทั้งสองรักษากายและใจก่อน ถ้าการตัดสินใจแบบนั้นมันผิดก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆ

สำหรับเรื่องที่ตนเองเล่ามาทั้งหมดเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ยินดีหากจะมีการตรวจสอบและเอกสารต่างๆ สุดท้ายนี้ เจนนี่ ก็ได้ขอความเห็นใจจากสังคมด้วย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเรื่องภายในครอบครัว อยากให้ทุกคนอย่าเพิ่งรีบตัดสิน อย่าเพิ่งวิจารณ์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันรุนแรงมากไม่มีอะไรมาชดเชยได้

น้องชายก็ผิดเต็มๆ ไม่มีใครปกป้องได้ ว่ากันตามกฎหมาย แต่อยากให้ทุกคนรับรู้ว่าก่อนเหตุการณ์ตามข่าว ครอบครัวเราผ่านอะไรมาบ้าง ได้พยายามรักษาน้องชายแล้ว หลังเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ก็ได้พยายามรักษาสถานภาพครอบครัวอย่างดีที่สุด 

ไม่มีใครอยากให้คนในครอบครัวทะเลาะกันเอง ขอความกรุณาเข้าใจครอบครัวของเราด้วย และขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ทั้ง มิล่า และคนในครอบครัว สิ่งนี้มีค่ากับเรามากๆ

ซึ่งหลังจากที่ เจนนี่ ได้โพสต์ข้อความเหล่านี้ หลายคนที่ติดตามก็ได้เข้ามาให้กำลังใจ และบางส่วนก็สงสัยว่า ทำไม เจนนี่ พูดเหมือนปกป้องน้องชาย แต่ไม่ปกป้อง มิล่า เลย มิล่า ควรได้รับความเป็นธรรมมากกว่านี้.