ปัญหาชิปหายจากตลาด ลากยาวถึงปี 65 สินค้าอิเล็กทรอนิกส์กระทบหนัก


ปัญหาชิปหายจากตลาด ลากยาวถึงปี 65 สินค้าอิเล็กทรอนิกส์กระทบหนัก

เศรษฐกิจบทวิเคราะห์เศรษฐกิจ

ไทยรัฐออนไลน์

15 พ.ค. 2564 12:43 น.

บันทึก
SHARE

การ์ทเนอร์ อิงค์ คาดการณ์ว่าปัญหาขาดแคลน “ชิปประมวลผล” ทั่วโลกจะส่งผลกระทบตลอดทั้งปี 64 และจะกลับคืนสู่ภาวะปกติอย่างเร็วสุดช่วงไตรมาส 2 ปี 65

คานิสกัส ชัวฮาน นักวิเคราะห์หลัก ฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานและการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายๆ ประเภทในปีนี้ ขณะที่โรงงานผลิตขึ้นราคาแผ่นเวเฟอร์ที่เป็นส่วนประกอบหลักในการผลิตชิป และมีผลต่อเนื่องไปถึงบริษัทผู้ผลิตชิปก็ขึ้นราคาตามไปด้วย

ข่าวแนะนำ

ปัญหาการขาดแคลนชิปเริ่มเกิดกับอุปกรณ์ประเภทต่างๆ ก่อน อาทิ อุปกรณ์สำหรับการจัดการพลังงาน จอแสดงผล และไมโครคอนโทรลเลอร์ ที่ผลิตจากบนโหนดการทำงานแบบเดิมๆ ของโรงงานผลิตชิปขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 นิ้ว ซึ่งมีวัตถุดิบจำกัด เวลานี้ปัญหาการขาดแคลนส่งผลต่อไปยังอุปกรณ์อื่นๆ และมีข้อจำกัดด้านความจุ รวมถึงขาดสารตั้งต้นในการผลิต กระบวนการเชื่อมลวดทองคำ

ส่วนประกอบแบบพาสซีฟ วัสดุและการทดสอบ ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานที่กำลังเป็นปัญหานอกจากเรื่องโรงงานผลิตชิป เนื่องจากส่วนประกอบเหล่านี้เป็นสินค้าในอุตสาหกรรมโภคภัณฑ์ขั้นสูงและมีความยืดหยุ่นน้อย และส่งผลต่อความสามารถในการเพิ่มการลงทุนเชิงรุกในระยะเวลาสั้นๆ


อย่างไรก็ตาม การ์ทเนอร์คาดว่าปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์แทบทุกหมวดหมู่จะกระทบต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ในขณะที่ข้อจำกัดด้านปริมาณของสารตั้งต้นในการผลิตชิปอาจใช้เวลาไปถึงไตรมาส 4 ปี 2565 โดยนักวิเคราะห์การ์ทเนอร์แนะนำ 4 แนวทางการดำเนินธุรกิจให้แก่บริษัทผู้ผลิต OEM ที่พึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์ทั้งจากทางตรงและทางอ้อม สำหรับลดความเสี่ยงและการสูญเสียรายได้ในช่วงภาวะขาดแคลนชิปทั่วโลก ดังนี้

ขยายมุมมองในห่วงโซ่อุปทาน : ภาวะการขาดแคลนชิปทำให้ผู้นำห่วงโซ่อุปทานจำเป็นต้องขยายมุมมองด้านห่วงโซ่อุปทาน โดยมองข้ามชอตไปจนถึงระดับซิลิคอนนอกเหนือจากระดับซัพพลายเออร์ ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการคาดการณ์ข้อจำกัดด้านอุปทานและปัญหาคอขวด หรือแม้แต่ช่วยคาดการณ์สถานการณ์วิกฤติว่าจะฟื้นกลับมาอยู่ในภาวะปกติได้เมื่อไร

รับประกันการจัดหาด้วยโมเดลธุรกิจร่วม และ/หรือ เพิ่มการลงทุนล่วงหน้า : ธุรกิจ OEM ที่มีขนาดเล็กกว่าและต้องการส่วนประกอบสำคัญต้องมองหาพันธมิตรที่ทำธุรกิจคล้ายคลึงกัน และร่วมมือกับผู้ผลิตชิป และ/หรือผู้เล่นในธุรกิจบริการเข้าแพ็กเกจชิป (Outsourced Semiconductor Assembly and Test or OSAT) ในฐานะพันธมิตรเพื่อรับผลประโยชน์ร่วมกัน นอกจากนี้หากเป็นไปได้ เพิ่มการลงทุนล่วงหน้าในส่วนที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ของห่วงโซ่อุปทานชิป และ/หรือโรงงานผลิตชิปเพื่อรับประกันว่าบริษัทจะมีสินค้าสำรองในระยะยาว

การติดตามตัวชี้วัด : แม้ไม่มีพารามิเตอร์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์การขาดแคลนจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่การนำพารามิเตอร์หลายๆ ตัวที่เกี่ยวข้องมาใช้ร่วมกัน สามารถนำองค์กรไปในทิศทางที่ถูกต้องได้


กัวราฟ กุปต้า รองประธานฝ่ายวิจัยการ์ทเนอร์ กล่าวว่า เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนชิปมีความผันผวนอยู่ตลอด ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจว่าสถานะของชิปเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร การติดตามตัวชี้วัด เช่น การลงทุนในสินทรัพย์ประเภททุน ดัชนีสินค้าคงคลังและการคาดการณ์การเติบโตรายได้ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จะเป็นตัวบ่งชี้สถานการณ์ในช่วงเริ่มแรก ที่สามารถช่วยองค์กรให้ได้รับข้อมูลความคืบหน้าเกี่ยวกับปัญหาและเห็นว่าอุตสาหกรรมโดยรวมนั้นเติบโตขึ้นอย่างไร

สร้างฐานซัพพลายเออร์ให้หลากหลาย – การคัดสรรชิปจากแหล่งที่มาแตกต่างกัน และ/หรือพาร์ทเนอร์ในธุรกิจบริการเข้าแพ็กเกจชิป (OSAT) ต้องมีการทำงานและการลงทุนเพิ่มเติม แต่ในระยะยาวจะช่วยลดความเสี่ยงได้ นอกจากนี้ยังต้องสร้างความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นและเชิงกลยุทธ์กับผู้จัดจำหน่าย ผู้ค้าปลีกและผู้ค้าทั่วไป เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถสรรหาส่วนประกอบในปริมาณไม่มากในช่วงที่ต้องการเร่งด่วนได้

อ่านเพิ่มเติม…