ประสบการณ์ตรง หนุ่มป่วยโควิด อัปเดตอาการหลังอยู่ใน Hospitel 7 วัน


ประสบการณ์ตรง หนุ่มป่วยโควิด อัปเดตอาการหลังอยู่ใน Hospitel 7 วัน

ข่าวทั่วไทย

ไทยรัฐออนไลน์

18 เม.ย. 2564 13:55 น.

บันทึก
SHARE

หนุ่มป่วยโควิด-19 อัปเดตอาการหลังรักษาตัวอยู่ใน Hospitel 7 วัน จุดใหญ่ที่จะโฟกัส คือ เชื้อลงปอด หรือมีอาการแทรกซ้อนหรือไม่

จากกรณีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ พบว่า มีผู้ป่วยรายวันจำนวนมากขึ้น ทำให้โรงพยาบาลบางแห่ง มีเตียงไม่พอรองรับผู้ป่วย ซึ่งทาง ศบค. เอง นอกจากโรงพยาบาลสนามแล้ว ก็ได้จัดเตรียม Hospitel ไว้รองรับผู้ป่วยอีกทางหนึ่ง

ทั้งนี้ ในโลกออนไลน์ มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งยืนยันเป็นผู้ป่วยโควิด-19 และเข้าพักอยู่ใน Hospitel แห่งหนึ่งย่านบางบอน ที่ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้ให้นั้น ได้อัปเดตอาการหลังเข้ารับการรักษาตัวหลังจากติดเชื้อมาแล้ว 7 วันว่า 

อาการไอ ดีขึ้นมากจนหายแล้ว เหลือแค่เสมหะเล็กน้อย ส่วนการได้กลิ่น และการรับรส ได้กลิ่น และรับรสได้ปกติตั้งแต่วันแรก เมื่อเข้าโรงพยาบาลมารักษาโควิด เขาจะโฟกัสที่ปอด ว่าในแต่ละวัน เชื้อลงปอดไหม และมีอาการแทรกซ้อนอะไรบ้าง จะไม่มีการให้ยารักษาโควิด เพราะไม่มี ทุกคนจะได้รับการรักษาตามอาการ ไอก็รับยาแก้ไอ มีไข้ก็รับยาลดไข้ และส่วนใหญ่ คนที่เป็นหนักๆ จะมีโรคประจำตัว เช่น ความดัน เบาหวาน ฯลฯ ส่วนตนนั้นไม่มีโรคประจำตัว นอกจากภูมิแพ้อากาศ บวกกับการออกกำลังกายของเราที่ผ่านมา ก็คิดว่าก็มีส่วนช่วยในเรื่องนี้เยอะ 

หลังจากนี้พอครบ 14 วัน จะต้องตรวจโควิดแบบ Swab อีกครั้งหนึ่ง เพื่อยืนยันว่าผลเป็นลบ ถึงจะกลับบ้านได้ 

“สิ่งที่อยากจะบอกในวันนี้ คืออยากให้ทุกคนรู้จักอาการของโรคให้มากขึ้น ที่สำคัญ เมื่อเกิดการระบาด แล้วมีตัวเราเกี่ยวข้องอยู่ในนั้น เราต้องรู้ว่าเราอยู่ในกลุ่มไหน เสี่ยงมาก เสี่ยงต่ำ เสี่ยงต่ำมาก หรือแค่กังวลไปเอง ก่อนจะประเมินว่าเสี่ยงแค่ไหน ต้องมีการยืนยันก่อนว่ามีผู้ติดเชื้อแล้ว 1 ซึ่งเราใกล้ชิดกับคนคนนั้น มากๆ แบบไม่ใช่แค่เดินผ่าน ต้องยืนเม้าท์กันไฟแลบจริงๆ และนับเฉพาะผู้ติดเชื้อนะ ไม่ใช่คนรอบข้างของผู้ติดเชื้อ คนนั้นยังไม่เกี่ยวครับ

คิดง่ายๆ คนที่เสี่ยงมากคือ…
– คนที่พูดคุยใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อแบบ #ไม่ใส่แมสก์
– กินข้าวร่วมกัน #ไม่ใช้ช้อนกลาง
– กินน้ำ กินเหล้า แก้วเดียวกัน เป็นต้น

คนเหล่านี้มีความเสี่ยงสูง เพราะสัมผัสโดยตรง หลังจากรู้ว่าคนที่เราใกล้ชิดติดเชื้อ แล้วเราเสี่ยงมาก ให้รออีก 5 วันค่อยไปตรวจ โดยต้องสังเกตอาการตัวเองด้วยว่ามีไข้ ปวดเมื่อยหรือเปล่า ถ้ายังไม่มีก็ไม่ต้องกังวล เราอาจไม่ติดก็ได้ แต่ถ้าติดแบบยังไม่ครบ 5 วัน แล้วไปตรวจ ก็มีสิทธิ์ที่จะไม่เจอเชื้อแล้วต้องมาตรวจใหม่อยู่ดี

ย้ำอีกครั้ง! ถ้าแค่เดินผ่าน ทำงานห้องเดียวกัน ชั้นเดียวกัน คุยกันห่างๆ แบบใส่แมสก์ หรือสัมผัสตัวกัน ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะติด อย่ากังวลมาก มันจะเครียดและป่วยเป็น
โรคอื่นแทนนะครับ”

ในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการรักษา ผู้ป่วยระบุว่า เสียแค่ค่าตรวจ 3,000 บาท เมื่อเจอเชื้อทางโรงพยาบาลจะต้องรักษาให้ฟรี พร้อมกับขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนครับ ที่ทำงานอย่างหนักอยู่ตอนนี้ด้วย


อ่านเพิ่มเติม…