ชาวบ้านลิพังมุ่งเลี้ยงปลาพลวงชมพู ปั้นเป็นสัตว์เศรษฐกิจ ราคากก.ละ 2-3 พัน


ชาวบ้านลิพังมุ่งเลี้ยงปลาพลวงชมพู ปั้นเป็นสัตว์เศรษฐกิจ ราคากก.ละ 2-3 พัน

ข่าวทั่วไทย

ไทยรัฐออนไลน์

5 มี.ค. 2564 14:29 น.

บันทึก
SHARE

ชาวบ้านลิพัง จ.ตรัง เพาะเลี้ยงปลาพลวงชมพู จากกินในครัวเรือนกว่า 10 ปี พบว่าราคาดี กก.ละ 2-3 พันบาท มุ่งปั้นเป็นสัตว์เศรษฐกิจให้ชาวบ้านริมเขาบรรทัด เผยตามธรรมชาติหายาก มีแค่ตามน้ำตกและเชิงเขา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านของ นายสมโชค สงนวล อายุ 58 ปี เลขที่ 22/5 หมู่ที่ 5 ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง มีการเพาะเลี้ยงปลาพลวงชมพู หรือ ปลากือเลาะห์ เพื่อไว้บริโภคในครัวเรือนมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยเริ่มต้นจากหาลูกพันธุ์ปลามาจากแหล่งน้ำตกใกล้บ้าน ที่อยู่ติดกับเทือกเขาบรรทัด นำไปเลี้ยงจนได้ขนาด ก่อนจะนำมาทำอาหารหลากหลายเมนู

ข่าวแนะนำ

แต่เมื่อปี 2562 มีบริษัทประชารัฐรักสามัคคีตรัง เข้ามาทำโครงการวิจัย และพบว่าเป็นปลาพลวงชมพูชนิดเดียวกับที่พบในอำเภอเบตง จ.ยะลา เป็นปลาน้ำจืดในตระกูลปลาตะเพียน หรือบางแห่งเรียกว่าปลาเวียน เป็นปลาที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ตามธรรมชาติ มีคุณสมบัติที่ดี คือ สามารถนำไปทอดกรอบแล้วกินได้ทั้งเกล็ด แตกต่างจากปลาทั่วไป เนื่องจากเกล็ดมีลักษณะอ่อนนิ่มมาก

นายสมโชค จึงได้เพาะเลี้ยงปลาพลวงชมพูไว้ได้ประมาณ 1,000 ตัว อายุตั้งแต่ 4-7 เดือน ทำบ่อพลาสติกลึกประมาณ 50-60 เซนติเมตร ใส่ท่อซีเมนต์ไว้หลายท่อ เพื่อให้ปลาหลบซ่อนตัว ใช้น้ำจากภูเขาไหลผ่านบ่อต่างๆ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 5 บ่อ แต่หากเลี้ยงครบ 1 ปี ปลาพลวงชมพูจะมีน้ำหนักตัวละประมาณ 1 กิโลกรัม โดยมีราคาขายสูงถึงกิโลกรัมละตั้งแต่ 2,000-3,500 บาท และหากส่งออกไปต่างประเทศ เช่น ฮ่องกงและมาเลเซีย จะมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 5,000-6,000 บาท ขณะนี้เกษตรกรยังรอขุดบ่อเพิ่มเพื่อขยายพันธุ์ปลาให้มากขึ้น

หลังจากได้รับการส่งเสริมให้เกษตรกรที่อยู่ริมเทือกเขาบรรทัด รวมกลุ่มกันเพาะเลี้ยงปลาพลวงชมพูแบบเกรดพรีเมียม เพื่อให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ที่สร้างงานสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ เนื่องจากพื้นที่ตรงนี้มีสายน้ำจากเทือกเขาบรรทัดไหลผ่าน ทำให้น้ำใสสะอาด ปลาเนื้อแน่น โตเร็ว ไม่มีกลิ่นคาว ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำ เหมาะสำหรับเป็นที่อาศัยอยู่ของปลาพลวงชมพูเป็นอย่างมาก

ปัจจุบันชาวบ้านมีการรวมกลุ่มกันเพาะเลี้ยง แต่เนื่องจากปลาพลวงชมพูออกไข่น้อย และอัตราการรอดน้อย ชาวบ้านจึงอยากให้กรมประมงมาช่วยผสมเทียมหรือเพาะขยายพันธุ์ให้ เพื่อกระจายให้กับชาวบ้านนำไปเลี้ยงให้แพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะในโซนน้ำตกบริเวณป่าเทือกเขาบรรทัด ไล่ตั้งแต่อำเภอปะเหลียน อำเภอย่านตาขาว และอำเภอนาโยง จะได้มีอาชีพที่มั่นคงนอกเหนือไปจากการทำสวนยางพารา

ซึ่งปลาพลวงชมพูยังสามารถเลี้ยงเป็นปลาสวยงามได้ด้วย นอกจากนี้พบว่าชาวบ้านยังเลี้ยงปลาพลวงทอง พลวงหิน ปลาชะโอนหิน ปลาหวด และปลาน้ำจืดหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ไว้อีกหลายชนิด ส่วนเกษตรกรรายใดสนใจสามารถติดต่อผ่าน อบต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ได้ในวันและเวลาราชการ เนื่องจากนายสมโชค เกษตรกรไม่มีโทรศัพท์มือถือ

ชาวบ้านผู้เลี้ยงปลาพลวงชมพู กล่าวด้วยว่า ตนเลี้ยงปลาพลวงชมพูมาประมาณ 1 ปี แต่ก่อนหน้านี้เลี้ยงมา 10 ปีแล้ว มีอยู่ประมาณ 1,000 ตัว เริ่มแรกก็เพื่อบริโภคในครัวเรือน รสชาติดี ราคาขายในตลาดตนไม่รู้ แต่รู้ว่าใน 3 จังหวัดบอกว่ากิโลกรัมละ 3,500 บาท แต่ตนยังไม่เคยได้ขาย นอกจากนี้มีปลาชะโอนหินซึ่งราคาขายกิโลกรัมละ 300 บาท และหากินได้ ตอนนี้อยากจะขยายบ่อ แต่ยังไม่มีงบ หากได้บ่อจะเลี้ยงเพิ่มอีกเยอะ ซึ่งตอนนี้มีเกษตรกรสอบถามเข้ามาเยอะมาก และมองว่าน่าจะเป็นรายได้เสริมที่ดีอีกทางหนึ่งด้วย โดยน้ำไม่ต้องบำบัด เพราะพื้นที่ตรงนี้เป็นน้ำธรรมชาติที่สะอาดบริสุทธิ์.

อ่านเพิ่มเติม…