ขับรถส่วนตัว มีคนอยู่ด้วย ต้องสวมแมสก์ ฝ่าฝืนมีความผิด


ขับรถส่วนตัว มีคนอยู่ด้วย ต้องสวมแมสก์ ฝ่าฝืนมีความผิด

ข่าวทั่วไทย

ไทยรัฐออนไลน์

26 เม.ย. 2564 15:32 น.

บันทึก
SHARE

กทม.แจง กรณีขับรถส่วนตัว แต่มีคนอยู่ด้วย ต้องสวมแมสก์ หรือหน้ากากผ้า ไม่เว้นแม้คนในครอบครัวเดียวกัน ฝ่าฝืนมีความผิด ยกเว้นให้เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ

กรณีโลกออนไลน์มีการแชร์ภาพใบเสร็จค่าปรับ โดยอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ปรับเนื่องจากไม่สวมหน้ากากอนามัยขณะขับรถมาคนเดียว เป็นเงิน 500 บาท

จากการตรวจสอบพบว่า วันนี้เป็นวันแรกของการบังคับใช้ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนัก โดยผู้ที่ฝ่าฝืนถือว่ามีความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนัก นั้น เจตนาในการประกาศคือการป้องกันการติดต่อของโรคจากบุคคลไปสู่บุคคล การอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในอาคารหรือที่ต่าง ๆ จะต้องสวมหน้ากาก สำหรับในที่สาธารณะต้องใส่ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่คนเดียวหรือไม่ เพราะบุคคลอื่นอาจมาใช้สถานที่นั้นต่อ

กรณีที่อยู่ในรถ เมื่อมีบุคคลอื่นร่วมอยู่ในรถด้วย จึงต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ไม่ยกเว้นแม้เป็นครอบครัวเดียวกัน เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรคและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และกรณีนั่งคนเดียวจึงอนุโลมได้ว่าไม่ต้องใส่หน้ากาก

กรณีของผู้ประกาศข่าว/ จัดรายการในสตูดิโอ เนื่องจากสตูดิโอถือว่าเป็นสถานที่นอกเคหะสถานและสถานที่พำนัก ตามประกาศดังกล่าว อีกทั้งเป็นสถานที่มีผู้ปฏิบัติงานรวมกันมากกว่า 1 คน มีลักษณะเป็นห้องปิด ซึ่งจะมีผู้เข้ามาใช้งานต่อเนื่อง การทำงานของผู้ประกาศขณะอ่านข่าว หรือจัดรายการ จึงอยูในเกณฑ์ที่ต้องสวมหน้ากากตามที่กำหนดในประกาศ

อีกทั้งผู้ประกาศข่าวเป็นบุคคลสาธารณะที่จะมีภาพปรากฏต่อสาธารณชนทั่วไปจึงควรเป็นภาพที่สวมใส่หน้ากากเพื่อแบบอย่างในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดมีความรุนแรงและต้องการร่วมมือจากประชาชนในการดำเนินการตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคที่ต้องดำเนินการอย่างเข้มข้นในขณะนี้ด้วย

กรณีเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ทางการแพทย์ไม่แนะนำให้สวมหน้ากาก เพราะเด็กยังไม่รู้วิธีที่จะถอดหน้ากากออกและอาจขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตได้ จึงเข้าข่ายอนุโลมไม่ต้องสวมหน้ากาก แต่ให้หลีกเลี่ยงการพาเด็กเล็กไปในสถานที่แออัด หรือพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด 

ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการชี้แจงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า ประชาชน ใน 48 จังหวัด ต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะออกจากที่พำนัก หรือเคหสถานทุกครั้งตามประกาศที่ออกมา ซึ่งยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผบ.ตร.จึงสั่งการให้ผู้บังคับการแต่ละจังหวัดตั้งทีมกฎหมายขึ้นมา เพื่อลงรายละเอียดให้ชัดเจนว่าควรมีมาตรการอย่างไร จากเบาไปหาหนัก โดยดูที่เจตนาเป็นหลัก และพนักงานสอบสวนควรมีขั้นตอนการปฏิบัติอย่างไร ไม่ใช่ใช้แค่ดุลยพินิจอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือให้ประชาชนสวมแมสก์ตามคำสั่งของผู้ว่าฯ ที่ประกาศออกมา

อย่างที่บางปะหัน ทางผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้พามาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งหลังจากนี้หากตำรวจได้รับแจ้งก็ต้องไปตรวจสอบ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ในช่วงต้นก็อยากให้ประชาชนให้ความร่วมมือ เพราะไม่อยากให้ใครคนใดคนหนึ่งไปแพร่เชื้อโรค การปฏิบัติตัวตามมาตรการถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น.

อ่านเพิ่มเติม…