แกะกล่อง “iPhone SE3” เจ้าตัวเล็กสเปกแรง ในราคาโครตคุ้ม

สวัสดีครับแฟนๆ กับมาพบกันอีกครั้งกับพวกเราทีมงาน Hitech  รอบนี้เป็นการแกะกล่องรีวิวสินค้ารุ่นใหม่ล่าสุดจากทางค่ายแอปเปิลและแต่นอนว่ามันคงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเจ้า iPhone SE น้องเล็กสเปกแรงที่มาพร้อมชิป A15 Bionic ที่ทรงพลังสุดๆ แบบเดียวกับที่อยู่ใน iPhone 13 คำถามคือ มันดีจริงไหม เรามาเจาะลึกกันเลยครับ

รายละเอียดสเปกของ iPhone SE 5G

  • สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 138.4 x 67.3 x 7.3 มม.  
  • น้ำหนัก: 179 กรัม   
  • การป้องกันน้ำและฝุ่น : IP67  
  • หน้าจอ: IPS LCD ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 750 x 1334 พิกเซล   
  • ชิปเซ็ต Apple A15 Bionic Hexa-core (2×3.22 GHz Avalanche + 4xX.X GHz Blizzard)+ Apple GPU   
  • การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX (Wi-Fi 6), Bluetooth 5.0, GPS, A-GPS / 4G / 5G  
  • ระบบปฏิบัติการ : iOS 15 สามารถอัปเดตได้   
  • ระบบความปลอดภัย   
  • ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือTouch ID   
  • กล้องหลัง  : 12 ล้านพิกเซล (f1.7 Main)    
  • กล้องหน้า: 7 ล้านพิกเซล   
  • แบตเตอรี : 2081 mAh พร้อมกับ Fast Charge 18W + Wireless Charging
  • แรม/ความจุ : RAM 4GB / ความจำ 64 / 128 / 256GB + iCloud Drive   
  • สี : แดง, ขาว, ดำ

เปิดกล่อง iPhone SE 5G สำรวจอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง

 

  • ตัวเครื่อง
  • คู่มือ
  • สายชาร์จ USB-C to Lightning Port
  • เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด

Design – การออกแบบ iPhone SE 5G

เริ่มต้นกับการออกแบบด้านหน้ากันก่อน ด้วยการใช้ iconic จาก iPhone ที่โด่งดังอย่าง iPhone SE (2020), iPhone 6, 7, 8 ทำให้หน้าจอของมันนั้นจะมีขนาด 4.7 นิ้วความละเอียด 750 x 1334 พิกเซล อัตราส่วน 16:9 และมี ค่าความสว่าง 625 nits

ส่วนบนของเครื่องจะมีลำโพงตัวเครื่อง เซนเซอร์, กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล เรียกได้ว่าครบเครื่อง

ส่วนล่างจะมาพร้อมกับปุ่ม Home พร้อมกับระบบ Touch ID

ส่วนรอบตัวเครื่องเป็นแบบโลหะและจะเป็นสีตามเครื่อง โดยเฉพาะเครื่องที่เราได้รับมาทดลองจะเป็นสีแดงสดใสมากเลยครับ ฝั่งซ้ายมือจะมีปุ่มสำหรับเปิด / ปิด เสียง และปุ่มปรับระดับเสียง, ฝั่งขวาจะมาพร้อมกับปุ่ม Power และจะเปิดเครื่องนั้นต้องกดปุ่มลดเสียงไปด้วย ถ้ากดทันทีมันจะเข้า Hey Siri นั่นเอง


ส่วนบนมีไม่มีอะไรมีเน้นเรื่องของสีสันตัวเครื่อง

ส่วนล่างมาพร้อมกับไมโครโฟน, Lightning Port และ ลำโพงตัวเครื่องด้วยครับ แต่รุ่นนี้เป็น Stereo ทั้งบนและล่างอยู่แล้ว

น้ำหนัก / การถือ

ต้องบอกว่าน้ำหนักของเครื่องรุ่นนี้ถือว่าเบาเพียง 144 กรัมเท่านั้นเอง ทำให้ถือได้เบาเลยครับ และตัวเครื่องจะมาพร้อมกับกันน้ำในแบบ IP67 อยู่ก็หมดความกังวลได้

Feature – ลักษณะการใช้งานของ iPhone SE 5G

ระบบปฏิบัติการรุ่นนี้มาพร้อมกับ iOS 15.4 ที่เป็นการอัปเดตใหม่ล่าสุด จุดเด่นคือการปรับปรุงที่ทำให้การมีประสิทธิภาพที่ดีและสามารถเลือก Widget มาใส่และใช้งานได้ รุ่นนี้ไม่มีระบบ Face ID ทำให้ไม่ได้ทดลองใช้งานในรุ่นนี้ แต่ยังเชื่อมต่อกับ iCloud ได้

ทางด้านเสียงก็มีการให้ลำโพงแบบ Stereo ทำให้การทำงานของระบบเสียงทำได้ดี และภาพก็สว่างขึ้นแม้ว่าจะใช้หน้าจอแบบ IPS LCD ก็ตาม

Performance – ความแรงและการตอบสนองการใช้งาน

เนื่องจากสเปกของเครื่องเรียกได้ว่าเท่ากับ iPhone 13 และ iPhone 13 Mini เลยครับ โดยเฉพาะการเพิ่ม RAM ของเครื่องเป็น 4GB ทำให้การเกมและการตอบสนอของเครื่องทำได้ดี และไม่ได้แตกต่างจาก iPhone 13 เลยครับ

ทางด้านการนำทางด้วยการทดลองทั้ง Google Maps และ Apple Maps เองก็ยังคงตอบสนองได้รวดเร็ว และยังรองรับมาตรฐานสูงๆ ทั้ง Wi-Fi 6, Bluetooth 5.0 และ 5G ทำให้สามารถใช้งานได้ดีกว่ารุ่นเดิมแบบเห็นได้ชัด

Camera – ลองกล้องของ iPhone SE 5G

ในสเปกกล้องของ iPhone SE 5G นั้นจะแบ่งกล้องแบบง่ายมาก ด้านหน้า 1 และด้านหลัง 1 ประกอบด้วย

  • กล้องหลัง  : 12 ล้านพิกเซล (f1.7 Main)    
  • กล้องหน้า: 7 ล้านพิกเซล   
  • LED Flash
  • รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K@24/30/60fps, 1080p@30/60/120/240fps

ฟีเจอร์กล้องจากภาพที่เหต้องยอมรับเรื่องหนึ่งว่า อาจจะไม่ได้เท่ากับรุ่นพี่สักเท่าไหร่แต่ก็ทำได้ดีอยู่ระดับหนึ่ง คิดในข้อดีเข้าไว้ว่า นี่คือ iPhone ถูกที่สุดแต่ได้ลูกเล่นกล้องระดับที่เรียกว่าไม่ได้อายชาวบ้านเลยครับ










ตัวอย่างภาพถ่าย

นอกจากนี้ในส่วนกล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล ก็ยังคงมี Portrait Mode ปรับเรื่องการละลายหลังได้อยู่ดังนั้นพูดเลยว่าไม่ได้ด้อยกว่าใคร ใช้ได้ตามสะดวกสบายเลยครับ

ยังไม่จบในเรื่องของกล้อง ภายใน Gallery ของ iPhone เองก็ยังมีลูกเล่นปรับแต่ภาพกำหนดเรื่องอุณหภูมของภาพที่เราเคยตั้งไว้ได้และยังแก้ไขฟิลเตอร์ ถ่ายภาพเอียงหรือไม่ และยังรองรับการ รวมวิดีโอและภาพผ่าน iMovie ที่ทำได้ลงตัวมากขึ้น


 



Battery – การใช้พลังงานจากแบตเตอรี่

สำหรับแบตเตอรี่ของ iPhone SE 5G กับขนาด 2081 mAh ใหญ่กว่าเดิม 10% เมื่อลองใช้งานในโหมด 4G พบว่า ใช้งานได้สบายมาก และลากใช้ได้ยาวๆ เลยครับ แต่ถ้า เปิด 5G เมื่อไหร่ การซดไฟก็ตามมาถ้าไม่ได้ปรับโหมดให้ 5G ใช้งานเฉพาะจำเป็น ซึ่งเป็นเรื่องปกติของมือถือเทคโนโลยีแบบนี้อยู่แล้ว

ส่วนระบบชาร์จไฟของรุ่นนี้จะมาพร้อมกับกำลัง 18W พร้อมกับ Qi Wireless Charging แต่ไม่ได้เป็น MagSafe

บทสรุปหลังทดลองใช้งาน iPhone SE 5G สักระยะเวลาหนึ่ง

หลังจากการใช้งาน iPhone SE 5G สักระยะเวลาหนึ่งต้องบอกว่ามันคือ น้ำดื่มขวดเดิมที่คุณคุ้นเคย แต่ใส่ความสดใสและเปรี้ยวซ๊าบซ่าอีกครั้ง แต่ด้วยขนาดตัวเครื่องที่ทุกวันนี้อาจจะดูเล็กไปแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นอีกรุ่นดีที่สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นกับ iPhone ที่ไม่ต้องห่วงเรื่องระบบสแกนใบหน้า เพราะยังใช้ Touch ID อยู่ก็ตาม

ส่วนราคาของเครื่องก็จะมีราคาด้งนี้

  • 64GB = 15,900 บาท
  • 128GB = 17,900 บาท
  • 256GB = 21,900 บาท

ดังนั้นหากใครต้องการลองประสบการณ์กับ iPhone แต่ไม่อยากจ่ายเงินแพงเกินไปและยังรักความเป็น iPhone ที่ดีเหมือนกับยุครุ่งเรืองและติดกับปุ่ม Home รุ่นนี้คือตัวเลือกที่ใช้ของคุณ แต่ถ้าใครต้องการความคุ้มจริงๆ เลือก iPhone 12 และ 12 Mini ผมว่าจะดีกว่า แต่ราคาก็ต่างกันเยอะ ลองคิดดูดีๆ นะครับ

ทั้งนี้ iPhone SE3 เริ่มวางขายตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม เป็นต้นไป ใครคิดว่ามันคือคู่ของคุณก็สามารถจับจองเป็นเจ้าของกันได้เลย ส่วนเราหลงรักเจ้าตัวเล็กแล้วตอนนี้