เปิดตัว Huawei P50 และ P50 Pro มือถือเน้นกล้องรุ่นล่าสุด แต่รองรับ 4G เท่านั้นนะ

ในที่สุด Huawei ได้เผยโฉม Smart Phone รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการอย่าง P50 และ P50 Pro ตัวใหม่ล่าสุดแล้วอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นมือถือที่พัฒนาเรื่องกล้องเต็มที่ เพราะว่าทั้งคู่ยังใช้กล้องจาก Leica เหมือนเดิม โดยมีจุดเด่นคือการใช้เซนเซอร์ 10-bit ทำให้สีสันออกมาสวยงาม ความละเอียดกล้อง 50 ล้านพิกเซล มุมกว้างที่ 23 มิลลิเมตร รูรับแสง F1.8 พร้อมระบบ OIS ในตัวหลัก

ส่วน P50 Pro จะได้กล้องเพิ่ม 1 ตัวคือ 50 ล้านพิกเซลเป็นเลนส์ขาวดำ และมีกล้องมุมกว้างความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 ส่วนเรื่องการซูมนั้นถ้าเป็น Optical  Zoom ระดับ 3.9 เท่าและ Digital Zoom ได้ระยะ 2,700 มิลลิเมตร F/3.5 มีระบบ OIS

ส่วนรุ่น P50 จะได้กล้อง Periscope ที่ซูมได้ 5 เท่าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล F/3.4 กล้องมุมกว้างความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าจะได้ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล  

นอกจากนี้ P50 Pro จะมีฟีเจอร์ XD Fusion ที่ทำให้ประสิทธิภาพของ Dynamic Range ดีขึ้น 28% และความละเอียดวิดีโอทำได้ที่ 4K และ Slowmotion ที่ 1080p แบบ 960 FPS

ขุมพลังของ Huawei P50 Pro จะมีให้เลือกทั้ง Kirin 9000 และ Qualcomm Snapdragon 888 รองรับ 4G เท่านั้น มี RAM ให้เลือกที่ 8 / 12GB และความจำมีให้เลือกทั้ง 128 / 256 / 512GB สามารถเพิ่มด้วย Nano Memory Card 256GB

แต่ว่า Huawei P50 จะมีให้เลือกแค่ Qualcomm Snapdragon 888 รองรับ 4G และมาพร้อมกับ RAM 8GB และความจำให้เลือกได้ทั้ง 128 / 256GB สามารถเพิ่มความจำได้ด้วย MicroSD

หน้าจอแตกต่างกันแน่นอน เพราะ P50 Pro จะได้หน้าจอโค้งขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด 2700×1225 พิกเซล รองรับ HDR และมีค่า Refresh 120Hz และ Touch Sampling Rate 300Hz

ส่วน Huawei P50 จะมีหน้าจอเรียบขนาด 6.5 นิ้ว และค่า Refresh Rate เหลือ 90Hz, รองรับค่า Touch Sampling Rate 300 Hz และรองรับ HDR เท่านั้น ให้แบตเตอรี่ขนาด 4360 mAh สำหรับรุ่น Pro และ 4100 mAh สำหรับ P50 แต่ได้กำลังชาร์จไฟเร็วที่ 66W และรองรับ Wireless Charge กำลัง 50W  ทั้งคู่กันน้ำระดับ IP68 และ ลำโพงคู่แบบ Stereo) มีให้เลือก 5 สี และ P50 จะมีให้เลือก 3 สี และมีอุปกรณ์เสริมคือ เคสหลากหลายแบบ พร้อมกับ Kickstand และ ring light ไว้ Selfie แบบสว่างให้เลือกใช้

ทั้งนี้ราคายังไม่เปิดราคาออกมาในเวลาอย่างเป็นทางการ คงต้องรอติดตามกันต่อไป