ความสัมพันธ์สถานะ “คนรัก” สำคัญแค่ไหนบนโซเชียลมีเดีย

เป็นเรื่องปกติของยุคสมัย ที่โลกโซเชียลกลายเป็นพื้นที่แสดงความสัมพันธ์ของคนในฐานะคนรัก หลายคู่มักจะลงสถานะการคบหาในเฟซบุ๊กของตนเอง แต่ก็มีบางคู่ที่ไม่ยอมเปิดเผยสถานะ

ขณะเดียวกันบางคนก็รู้สึกว่า ความสัมพันธ์ของตนเองจะคลุมเครือเกินไปไหม เพราะคนที่คบหาดูใจด้วยไม่ยอมรับเธอหรือเขาเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก หรือไม่แม้แต่จะเข้ามากดไลก์ภาพที่เธออุตส่าห์แท็กหาเขาในอินสตาแกรม ถ้าเป็นเช่นนั้น เราคงต้องพิจารณากันหน่อยว่า พฤติกรรมของเขานั้นเป็นการรักษาความเป็นส่วนตัว หรือพยายามปิดบังอะไรอยู่กันแน่

1. ไม่มีการขอเป็นเพื่อน หรือไม่ยอม Follow คุณกลับ

ถ้าเราเดทกับใครหรือกำลังคุยอยู่กับใคร การเปิดตัวกันในโซเชียล ก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเขาหรือเธอบอกคุณว่า อยากจะคุยกันไปเรื่อย ๆ ก่อน ไม่อยากเปิดเรื่องระหว่างสองเราให้โลกโซเชียลได้รับรู้ ก็พอจะเป็นเหตุผลที่ฟังได้ อันนี้หมายถึงคบหากันได้ใหม่ ๆ ประมาณเดือนหรือสองเดือน แต่ถ้าคบกันไปแล้วหนึ่งปี แต่ไม่ยอมรับคุณเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก ไม่ยอม Follow คุณกลับในอินสตาแกรม แบบนี้เริ่มเป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ดีแล้วล่ะ

จำไว้ว่า มันมีความแตกต่างกันระหว่างรักษาความเป็นส่วนตัว และเก็บเรื่องความสัมพันธ์เป็นความลับ เพราะอันแรกนั้นหมายถึง การปกป้อง แต่อีกประการนั้นหมายถึง การหลอกลวง

2. ชอบ “เมนต์” ด้วยข้อความที่ไม่เหมาะสม

โลกโซเชียลนั้น เปิดโอกาสให้คนได้แสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย ถ้าแฟนหรือคู่รักของคุณ คือคนที่เสพติดโลกโซเชียลชนิดที่ชอบเข้าไปเมนต์ ด้วยข้อความที่ไม่เหมาะสมกับเหล่าเซเลบฯ โลกออนไลน์ และทำบ่อยจนเป็นนิสัย คงถึงเวลาที่คุณต้องคุยกับเขาแล้วล่ะ เพราะการแสดงออกในโลกโซเชียล ก็เหมือนการได้ปลดปล่อยด้านมืดของตัวเขาออกมา การโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสม ก็หมายความว่า ในโลกของความเป็นจริง เขาก็อาจแสดงด้านมืดกับคุณแบบนี้เมื่อไรก็ได้

3. มีแฟนที่เสพติดโลกโซเชียล

ทุกวันนี้ โทรศัพท์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว และหลายคนก็อยากให้คนสนใจตนเองในโลกโซเชียล ด้วยความพยายามโพสต์ทุกอย่างที่ตนเองทำให้คนอื่นดู และจะรู้สึกพอใจเป็นอย่างมากเมื่อมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นหรือกดไลก์ ทำให้สมองได้หลั่งสารแห่งความสุขออกมา

จึงไม่แปลก ที่หลายคนจะเสพติดการใช้โซเชียล ที่โทรศัพท์ของคุณต้องอยู่ติดตัวตลอด 24 ชั่วโมง และนั่นทำให้คนที่เสพติดโซเชียลต้องคอยเสพชีวิตคนอื่นไปด้วย และไม่น่าแปลกที่พวกเขาจะเปรียบเทียบชีวิตของตนเองกับชีวิตคนอื่นที่สวยหรูกว่า และการเสพติดโซเชียลก็นับเป็นการบั่นทอนความสัมพันธ์ในชีวิตจริง เพราะเหมือนกับคุณต้องคอยแข่งกับคนที่แฟนคุณชอบเอาชีวิตของตนเองไปเปรียบเทียบอยู่เสมอ

4. เมื่อแฟนคุณ “แอด” แฟนเก่า เป็นเพื่อนในโซเชียล

โลกโซเชียลมีเดียไม่ใช่บัตรเชิญให้คุณกลับไปหาความสัมพันธ์ในอดีต เพียงเพราะคุณสามารถทำได้ ตัดสินใจให้ดีก่อนจะกลับไปคุยกับคนในอดีต เพราะการกระทำดังกล่าวจะส่งผลกระทบมายังปัจจุบัน และหมายถึงอนาคตที่อาจทำให้คุณต้องเสียน้ำตา

ถ้าแฟนของคุณ “แอด” รับแฟนเก่าของเขาเข้ามาเป็นเพื่อน แล้วคุณดันส่องไปเห็นเข้าในฐานะแฟน นี่คือสิ่งที่หลายคนทนไม่ได้ บางคนเก็บความรู้สึกเอาไว้ บางคนคุยกับแฟนตรง ๆ แต่คำตอบที่ได้รับคือ “ไม่มีอะไร” และท้ายที่สุดเมล็ดพันธุ์แห่งความหวาดระแวงก็ได้ถูกเพาะขึ้นในใจแล้ว ดังนั้น จงอย่าได้รับแฟนเก่า มาเป็นเพื่อนในโลกโซเชียลเป็นอันขาด เพราะมันไม่ได้มีความจำเป็นขนาดนั้น อะไรที่จบไปแล้ว ก็ให้จบกันไป ที่สำคัญนี่คือ พฤติกรรมที่แสดงความไม่เคารพกับคนในปัจจุบันของคุณด้วย

5. ไม่มีร่องรอยบนโลกโซเชียลที่ระบุว่าคุณกับเขากำลังคบหากันอยู่

ถ้าในโลกโซเชียล คุณเปรียบเสมือนคนที่ไม่เคยมีตัวตนอยู่ในชีวิตของเขาเลย ไม่มีภาพ ไม่มีการกดไลก์ หรือเข้าไปเมนต์ให้กัน แย่ที่สุดคือ ไม่รับคุณเป็นเพื่อน หรือแม้แต่จะกดติดตามคุณ มันเหมือนกับความพยายามจะลบร่องรอยของคุณออกไปจากสายตาของคนอื่นที่อยู่ในโลกโซเชียล

ต่อให้คนเราชอบความเป็นส่วนตัวมากเพียงใด แต่การส่งข้อความดี ๆ หรือโพสต์ภาพที่รู้สึกดีก็ยังทำกันได้อยู่ ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบัง ขอให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า คนเราเมื่อพยายามจะปิดบังพฤติกรรม หรือซ่อนเร้นอะไรบางอย่าง นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าตนเองกำลังทำความผิดอยู่